Screen partner 3



หลังจากบวกลบคูณหารกันในใจแล้ว
ซูจื่ออี้จึงได้ตัดสินใจเซ็นต์สัญญา

เขามาถึงที่คัดตัวก่อนเวลา10นาที
หลังจากที่พนักงานตรวจเช็กแล้วเขาก็หาที่นั่งเล่น
ตรงนั้นก็มีสองคนนั่งอยู่ก่อนแล้ว คนแรกเป็นนักแสดงหนังเกย์ ตัวเล็กกว่าดูในรูปอีก
ฝ่ายนั้นจ้องไปทางประตูที่ซูจื่ออี้เดินเข้ามา
มันทำให้ตัวเขาไปไม่เป็นเลยทีเดียว แล้วอีกฝ่ายก็ปิดตาฟังเพลงต่อ
เทียบกันแล้วอาลี่ดูจะรนกว่า

"หวัดดี ขอเรียกอี้ได้มั้ย?" อาลี่นั่งข้างเขาพูดขึ้น
ทั้งร่างแทบจะติดซูจื่ออี้ คนที่กำลังทำหน้าบึ้งเล็กน้อย แต่ก็สามารถเก็บอาการเอาไว้ได้

"ได้ อาลี่"
อาลี่ขมวดคิ้วขึ้นด้วยความยินดี
"รู้จักผมด้วยหรอ?"
ซูจื่ออี้รีบยกมือขึ้นปิดปากตัวเอง

"เสี่ยวเฉินกับฉัน พูดถึงอยู่บ่อยๆน่ะ เขาบอกว่าถ้านายขึ้นปกเมื่อไรจะไปซื้อทันทีเลย"
ถึงจะพูดสุภาพไปแบบนั้นแต่มันก็เป็นเรื่องจริง

อีกฝ่ายมีรูปร่างบอบบางแล้วก็หุ่นแบบนักเรียนหน้าก็หล่อ รอยยิ้มก็น่ารัก อย่างกันโกลเด้นรีทีฟเวอร์ที่ตามเจ้านายต้อยๆ แต่นี่แหล่ะที่โ่ด่งดังในหมู่ผู้หญิง

"อะไรกัน ผมจะเทียบกับคุณได้ไงกันเล่า" อาลี่ยิ้มอย่างเขินๆ

"นี่ แลกเบอร์กันหน่อยได้มั้ย?"

"ก็ได้" ซูจื่ออี้หยิบมือถือจากกระเป๋าขึ้นมา

หลังจากแลกเบอร์กันเรียบร้อยอาลี่ก็ขยับตัวไปเล่นมือถือตัวเอง ไม่นานโทรศัพท์ของซูจื่ออี้ก็สั่น เสียงสัญญาณเตือนว่าเขาได้รับเมลจากอาลี่แล้ว

ซูจื่ออี้จ้องเขาแล้วก็เปิดข้อความขึ้นมาอ่าน
เรามาอยู่ทีมเดียวกันมั้ยผู้ชายที่อยู่ข้างๆคุณดูลึกลับไปหน่อย แล้วก็ส่งอีโมจิยิ้มๆมาให้

ซูจื่ออี้มองไปที่ดาราหนังเกย์คนนั้นก่อนจะอดขำเยาะเย้ยออกมาไม่ได้
ก่อนจะตอบกลับว่า
ก็คงงั้น

ทั้งสองคนสบตากัน ก็เลยเป็นเอกฉันฑ์
ต่อมาประตูถูกเปิดออก ซูจื่ออี้มองกลับไปข้างหลังมีผู้ชายตัวสูงเดินเข้ามา
ตอนแรกซูจื่ออี้คิดว่าเป็นพนักงานทั่วไปแต่หลังจากนั้นก็รู้ว่าคุ้นเคยกว่าที่คิด

"รุกะ" เสียงเรียกจากดาราหนังเกย์ข้างๆดังขึ้น พวกเขาต่างไม่ได้ใส่ใจ

คนข้างๆวางโทรศัพท์ลงเอาหูฟังออก และพูดทำนองเป็นนัยว่าคุ้นเคยกันดี
"ไม่เจอกันนานนะ... ไม่คิดว่านายจะรักษาสัญญามาแสดงหนังจริงๆ ฉันถามนาโฮกับพวกนั้นแล้ว เขาบอกว่านายจะออกจากวงการ.."

"นี่ใครหรอ?" ชายร่างสูงขมวดคิ้วอย่างไม่แยแส

พอเห็นอีกคนขมวดคิ้ว เขาก็จำได้ทันทีว่าเป็นดาราดาวแดงในเน็ตคนนั้น เพราะผมน้ำตาลบลอนอย่างในรูปแล้วก็ดำขึ้น

ดาราหนังเกย์คนนั้นทำเป็นไม่ใส่ใจคำถาม หน้าของเขาแดงด้วยความอับอาย
หลังจากที่ใช้เวลาสงบสติอารมณ์ก็ยิ้มออกมา
"ฉันเซียง เราเคยเจอกันที่ปาตี้นาโฮไง"

รุกะปล่อยให้มันอึมครึมอยู่แบบนั้นโดยไม่ได้ทำอะไร เขาแสดงตัวว่าไม่แยแสสิ่งรอบตัวเลยสักนิด

รอยยิ้มของเซียงก็หุบลง
บรรยากาศภายในห้องดูทะมึนเสียเหลือเกิน
สุดท้าย ใครคนหนึ่งก็ล็อคประตูหลังจากที่เดินเข้ามา
เป็นหญิงสาวที่เป็นสต๊าฟเดินมาด้วยรอยยิ้ม

"ถ้าพร้อมแล้วโปรดมาที่สตูดิโอชั้นสี่กับดิฉันค่ะ"
รุกะเป็นคนแรกที่ลุกขึ้นและอีกสามคนก็ลุกตาม

ซูจื่ออี้จ้องแผ่นหลังของรุกะ
ลอบขอให้ไม่ต้องร่วมงานกับคนๆนี้

หนังเกย์เป็นอะไรที่ไม่น่าพึงใจเลยสักนิด
ถ้าเขาต้องจับคู่กับใครที่ไม่ดีล่ะก็
ซูจื่ออี้ก็คิดไม่ออกเลยว่าตัวเองจะประทุกลางเรื่องเมื่อไร

บางทีความเงียบของเขาก็ทำให้อาลี่เข้าใจผิด ซูจื่ออี้รู้สึกถึงสัมผัสบนไหล่เบาๆ
พอมองไปก็เจอกับอาลี่ที่กำลังยิ้มให้อย่างเป็นมิตร

"นายเป็นคนขี้หงุดหงิดหรอ?" อาลี่ถาม
ซูจื่ออี้หัวเราะ

ตอนนั้นเขาได้ยินเซียงทำเสียงไม่พอใจ
"จะถ่ายหนังหรือจะยืนจับมือกัน? ถ้าอยากทำนักก็ไปหาที่ดีๆกว่านี้ปะ จะมาทำอะไรกันตรงนี้ น่าเกียจ"

ทางเดินไม่ได้กว้างขวางเซียงก็ไม่ได้พูดเบา ทุกคนเลยได้ยินกันหมด
ใบหน้าของอาลี่บิดเบี้ยวเพราะความโกรธแถมรุกะยังหันมามองอีก
แต่ซูจื่ออี้ยั้งไว้ว่าไม่เป็นไร

เมื่อก่อนนี้เขาคุ้นเคยกับปาปารัสซี่ที่แอบตามถ่ายช่วงเล่นหนังแต่นี่ก็ถือเป็นเรื่องเล็กน้อย

เขาจ้องตาเซียง
จนเสียงของอีกฝ่ายลดลง
"ทำไม? อะไรอีกล่ะ? หรือมันเรื่องจริงกันแน่?" เขาจึงเชิดหน้าขึ้น

นี่คือสิ่งที่ดีที่สุดที่จะดึงชื่อเสียงของตัวเองกลับคืนมา และต้องออกจากตรงนี้ก่อนที่อื่นๆจะมอง ดังนั้นผู้คนจะเพียงแค่ไม่ชอบตัวเขาอยู่ในใจ


พวกนั้นอัดกันในลิฟ
ซูจื่ออี้แกล้งไม่สนใจสายตาที่จ้องมา แน่นอนว่าคงจะเต็มไปด้วยความโกรธ เขาก็อดจะขำไม่ได้

ทันทีที่รู้สึกว่ามีอีกคนมองอยู่อีก
เขาหันหน้าไปทางนั้นแต่ไม่คาดคิดว่าจะเจอกับสายตาของรุกะ
ทั้งสองคนจ้องกันละกันสักสองวิก็หันหน้าไปคนละทางตามเดิม